(จู่ๆ วันหนึงคุณพบว่ามีลูกปืนอยู่ในหัวคุณ..!!) เกิดทรัพย์ เป็นผู้ควบคุมพฤติกรรมเด็กอยู่สถานพินิจ หน้าที่ของเกิดคือเป็นผู้ปกครองในตึกที่เกิด รับผิดชอบแต่วันนี้เป็นวันหยุดเกิด พรรคพวกเพื่อนฝูง เลยชวนเกิดไปกินเหล้ากันตอนช่วงเย็นๆ ที่บ้านสมชาย ซึ่งอยู่ในค่ายทหาร
“เฮ้ย เกิดรึ นี้กูเอง วันนี้มึงว่างไหม มากินอะไรที่บ้านกูสิ” สมชายโทรหาเกิด ชวนเพื่อนมากินเล้าที่บ้าน
“เออ…กูหนะใคร ชื่อไม่มีรึ” เกิดกวนบาทา ของสมชายไป เพราะรู้อยู่แล้วว่าคนที่ชวนแบบนี้มีเขาคนเดียว
“ไอ้ห่า กูสมชายโว๊ย ทำจำเพื่อนไม่ได้รึมึง เดี๋ยวเถอะ” สมชายชักไม่พอใจเพื่อนรักคนนี้
“มึง ชวนไอ้หมี ไอ้เผือกมาด้วยนะ เดี๋ยวกูจะต้มไก่รอ เย็น 4-5 โน่นแหละ” สมชายย้ำเพื่อน
“ไม่รู้ มันจะหาตัวพวกมันเจอไหมหนะสิ พวกนี้ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านสักเท่าไหร่” เกิดตอบ
“เออ ไม่เจอก็ช่างมัน เอ็งมาคนเดียวก็ได้” สมชายอยากให้เกิดมาเต็มแก่
“กูจะพยายามนะเพื่อนไม่รู้ว่าเมียกูจะว่าไง ไปหาเอ็งทีไรกูโดนด่าทุกที” เกิด มีอาการเกรงภรรยาเล็กๆ
“เองก็ยกมาทั้งบ้านแหละ เอามาช่วยทำกับแกล้มให้เรากินกัน อย่าลืมบอกไอ้หมีมันหนีบเหล้ามาด้วยหล่ะ” สมชายแนะนำเพื่อน
สมชายเองเป็นนายทหารยศจ่าสิบทหาร นายสิบแบบนี้มานานมากแล้ว (สงสัยผู้บังคับบัญชานับไม่เกิน 10 เลยไม่เลื่อนขั้นซะที) มีบ้านพักอยู่ในค่ายทหารนั่นแหละ บ้านพักไม้เรียงเป็นหลังๆ ไปเป็นทิวแถว วันนี้สมชายไม่รู้เกิดครึ้มใจอะไรหนักหนาเลยชวนเพื่อนมากินเหล้าด้วย (ปกติมันก็กินทุกวันแหละ แต่วันนี้พิเศษชวนเพื่อนจาก ข้างนอกค่ายมากินในค่าย)
“ฮัลโหล สมชายรึ นี่กูเอง” เกิดยกหูโทรศัพท์จากประตูหน้าป้อมยาม หน้าค่ายทหาร
“เออ…กู หนะหมาหรือคน” สมชายเอาคืนมั่ง
“หมาบ้านเตี่ยมึงพูดได้รึ กูเกิดว๊อย มึงรู้ไหม ทหารยามเฝ้าประตู มันไม่ให้กูเข้าไปหามึงว่ะ มันว่ารถกูไม่มีบัตรอนุญาต เข้าไปข้างใน กูมีนะมึง แต่มันหมดอายุ ทำไงดีเจ้าภาพ?” เกิดบอกสมชายด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“อะไรว่ะ สงสัยทหารใหม่ มันไม่เคยเจอหน้าเองมาก่อน มึงรอเดี๋ยวเดียวกูไปเคลียรเอง” สมชายตอบ
“เออๆ รีบมาละกัน เดี๋ยวไอ้หมีกับไอ้เผือกมันลงแดงตายในรถกูซะก่อน” เกิดเร่งเพื่อน
“เออๆ เดี๋ยวออกไปเดี๋ยวนี้แหละ” สมชายพูดแล้วก็วางสาย บึ่งรถออกไปหาเพื่อนหน้าค่าย
พลทหารที่ยืนประจำหน้าค่ายเห็น จ่าสมชายขับรถมา ก็ยืนตะเบ๊ะ กระแทกเท้าดังา แค๊ก!(มันน่าจะดังแบบนี้นะ เพราะมันมีเหล็กติดตรงรองเท้า) สมชายขับรถชะลอ ตรงพลทหารยาม แล้วหมุนกระจกลง
“ไงพลทหาร สบายดีไหม” สมชายถามไปงั้นแหละ แต่ไม่ต้องการคำตอบใดๆ
“สบายดี ครับผม” พลทหารยามยังยืนตัวตรงดิ่งตอบ
“พลทหาร เห็นรถที่จอดอยู่นั่นไหม” สมชายพูดพลางชี้ไปยังรถเก๋งคันเก่าๆ ที่มีคนนั่งในรถแน่น 4-5 คน
“เห็น ครับผม” พลทหารเหลือบตาไปมอง แต่ยังคงความเข็มแข็งตัวตรงดิ่งอยู่
“นั่นมันรถ เพื่อนอั๊วะ อนุญาตให้เขาเข้ามาได้ ” สมชายพูดเสียงแข็งกับพลทหาร
“ผมทำตามหน้าที่ครับท่าน รถคันนั้น ใบอนุญาตหมดอายุ ผมเลยไม่ให้เข้า ครับผม” พลทหารพูดตอบ
“เออ ก็อั๊วะสั่งอยู่นี่ไง คราวหลังรถคันนี้ จะเข้ามา ให้เข้าเลย OK.!” สมชายสั่งพลทหารราวกับสมชายเป็นมียศนายพลประมาณนั้น พลทหารยามท่าที จ่าสมชายแล้ว เห็นท่าไม่ดีที่จะมาขัดแย้งด้วย
“ครับผม” พลทหารยาม ตอบรับแบบ ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ พร้อมกับคลายเชือกกั้นถนน แล้วโบกมือให้รถเกิดที่จอดรออยู่ขับผ่านเข้าไปในค่าย
“ก็แค่นั้นแหละ” หมีพูดผ่านกระจกรถใส่หน้า พลทหารก่อนเข้ารถผ่านเข้าไปในค่าย
“ขอบใจมาก พลทหาร” สมชายพูดขอบใจแล้วหมุนกระจกขึ้นก่อนขับรถตามเกิดไป
“ครับผม” พลทหารยืนตรง ก่อนกลับมาอยู่ในท่าทางสบาย มิวายส่ายหัวเล็กๆ ราวกับคิดในใจว่า (ไว้กูเป็นนายพลก่อนเถอะ ไอ้จ่าสมชายเอ้ยย..)
รถสองคันขับตามกันมาจนถึงบ้านของสมชายซึ่งภรรยามาสมชายก็กำลังทำอาหารอยู่หลังบ้านรอการมาของเพื่อนๆของสามีตัวเองอยู่ รถจอดหน้าบ้านของสมชาย เกิดเปิดประตูรถลงมาก่อนเดินคู่กับสมชายเข้าบ้านไป
“ทหารค่าย นี้ซื้อบื้อแบบนี้ทุกคนป่าวว่ะ” เกิดเริ่มปากบอนใส่สมชาย
“เออ มันคงทหารใหม่หนะ อย่าไปใส่ใจมัน” สมชายตอบเพื่อน
“แล้วไอ้หมีกับไอ้เผือก ไปไหนซะหล่ะ เห็นแว๊บๆ” สมชายมองหาเพื่อน
“มันกำลังเก็บ อุปกรณ์การดื่มอยู่ท้ายรถโน่น เดี๋ยวมา” เกิดพูดแล้วชี้ไปท้ายรถที่เปิดกระโปรงอยู่
“ไงหมี ไงเผือก ไม่ได้เจอซะนาน สบายดีป่าว” สมชายเดินมา ทักทายเพื่อนที่ท้ายรถ
“ก็เรื่อยๆว่ะ ว่าแต่ท่านหล่ะเมื่อไหร่จะได้นายพลซะที” หมีตอบสมชาย แล้วถามไถ่
“ชาติหน้าบ่ายๆ ว่ะ ปะเข้าในบ้านๆ” หมี เผือกหัว หัวเราะร่า ก่อนสมชายพากันเข้าบ้านไป
ส่วนแก้วแฟนเกิด ไม่พูดกับสมชายเดินลัดไปท้ายครัว เพราะเห็นตู่แฟนสมชายทำกับข้าวอยู่ไหวๆ หลังบ้าน
“วันนี้อากาศเย็นๆ กูว่าเราตั้ง ตั้งวงในบ้านนี่แหละเน๊อะพวก" สมชายออกความเห็นขณะเพื่อนเดินมาถึงห้องรับแขก ซึ่งวันนี้ออกจะเล็กไปถนัดตา
“กูว่าแคร่หน้าบ้านเองดีกว่า อากาศมันโล่ง นั่งชมเขาไปด้วย วิวมันสวยดี” เกิดพูดสวนทันที
“กูเห็นด้วย” หมีและเผือกพูดขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน
“ตามใจพวกเอง ละกัน” สมชายตอบ
“สวัสดีค้า ทุกๆคน เอาอะไรมากันเยอะแยะเนี่ย กลัวบ้านนี้ไม่มีกินรึ” ตู่เดินถือถ้วยต้มไก่ร้อนเดินจากหลังบ้านมาที่ห้องรับแขก
“สวัสดีตู่ เขาเรียกว่ากันไว้ก่อนพ่อสอนไว้” เกิดตอบ แล้วทุกคนก็ยิ้มเพราะคำพูดเกิด
“ปะปะ ย้ายที่ ไปที่แคร่หน้าบ้าน” สมชายบอกเพื่อนๆ แล้วต่างคน ต่างหยิบข้าวของออกไปหน้าบ้านคนละชิ้นสองชิ้น
ถึงแคร่หน้าบ้านไม่รีรอ เกิด สมชาย หมี เผือก ก็จัดการรินเหล้า โดยมีต้มไก่ และเมล็ดถั่ว ข้าวเกรียบ ที่เกิดเตรียมมาจากบ้าน ส่วนแก้วกับตู่ก็หายไปในบ้าน กินไปคุยไปนานสองนานราว 2 ชั่วโมง อากาศก็พลบค่ำแล้ว ก็เริ่มมึนด้วยฤทธิ์สุรา
“น้ำแข็งหมดว่ะ โซดาเหลือขวดเดียวเอง เผือกเองออกไปซื้อไป นี่เดินไปไม่ถึงร้อยเมตรมีร้านสหกรณ์ ซ้ายมือ” สมชายบอกเผือกให้ไปหาน้ำแข็ง
“ได้ๆ กูไปเอง” เผือกตกลงรับใช้เพื่อนๆ
“เอากระติกไป ด้วยสิว่ะ แกจะหอบมายังไง” หมีแนะนำเพื่อน ส่วนเกิดตอนนี้หน้าแดงก่ำแล้ว
“เกิด มึงจะแปลงร่างเป็นพระอินทร์ หรือไงว่ะ ทำไมหน้าแดงจัง” สมชายแซว
“พระอินทร์ บ้านเตี่ยมึงสีแดงรึ พระอินทร์สีเขียวว๊อยย” เกิดยังมีความคิดตอบกลับ
“เออน่า เดี๋ยวสักหน่อยจะเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียว เพราะคำก็เตี่ยกู สองคำก็เตี่ยกู” สมชายไม่สบอารมณ์ พร้อมกับขว้างเม็ดถั่วลิสง อยู่ในจานใส่ หัวเกิด โดยเกิดไม่ทันระวังก็โดนหน้าผาก แล้วสมชายก็หัวเราะเสียงดัง
“เอ็งสองคนนี่ น่าจะมาทำงานที่เดียวกันนะ จะได้กัดกันตายสักวัน” หมีพูดแซวทั้งคู่
“คนๆ กูเป็นคนไม่กัด ถ้ามันไม่กัดกูก่อน” เกิดตอบ
“ไหนว่า มึงคอแป๊บไงเกิด แบบนี้มึงจะขับรถกลับไปส่งกูถึงบ้านไหมเนี่ย” หมีพูดมั่ง
“แป๊บที่ว่า คือแป๊บเดียวไงหม๊ 5555” สมชายเอามั่ง
“ไอ้ส้น.... มากูก็ไปรับ กลับกูก็จะไปส่ง มันดันมาพูดงี้อีก เดี๋ยวเหอะมึง กูจะให้มึงเดินกลับ”
“โถ เพื่อนกู พูดเล่นทำเป็นหัวล้านไปได้น่า” หมีพูดแล้วยื่นมือไปลูบหัวของเกิดซึ่งไม่ได้ล้านอะไรเลย
เผือกเดินกลับจากซื้อน้ำแข็งและโซดาราวๆ 15-20 นาที
“พวกมึงได้ยินเสียงปืนไหมว่ะ มันยิงอะไรกัน” เผือกเดินเข้ามาพร้อมเอ่ย
“เสียงไหน” สมชายถาม
“นั่นไง พวกมึงฟังสิ เสียงปืนยิงเป็นระยะ” เผือกหยุดสักครู่ พร้อมเงี่ยงหูฟัง พร้อมเพื่อนๆก่อนวางกระตกน้ำแข็งลงที่ข้างๆเกิดแล้ว เอาขวดโซดาขึ้นไปตั้งบนแคร่ก็ขึ้นนั่งร่วมวง
“เออ อย่าไปสนใจเลย นี่มันค่ายทหาร เสียงปืนมันเป็นเรื่องปกติแหละ ธรรมดามาก” สมชายตอบพร้อมกับชวนเพื่อนกินต่อ
“ไอ้เผือก มึงจะวางกระติกน้ำแข็งให้กูเอื้อมถึงหน่อย มึงจะตายรึ” เกิดบ่นพร้อมกับขยับตัวลงจากแคร่เพื่อไปยกกระติกน้ำแข็งให้ชิดๆแคร่ เพื่อง่ายต่อการ ล้วงน้ำแข็ง (คีมคีบน้ำแข็งมีแต่ไม่ยักจะใช้กัน มือนี่แหละทันใจดี)
ขณะที่เกิดกำลังก้มตัวลงเพื่อหิ้วกระติกน้ำแข็งเข้าไปชิดแคร่นั้น เกิดก็มีความรู้สึกว่า สมชายได้เอาเมล็ดถั่วลิสง ขว้างใส่กลางหัวของเกิดอีกเม็ด แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะ สมชายมักเล่นแบบนี้กับเกิดอยู่เสมอเวลาตั้งวงกัน
เวลาผ่านไปทั้งหมดก็ยังกินเหล้ากันคุยกันไปเรื่อยจนจนดึก และเมาแทบทุกคน ในที่สุดจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน
โดยแก้วแฟนของเกิดเป็นคนขับรถไปส่งเพื่อนสามี และแบกสามีเข้าบ้านตัวเอง
เวลาผ่านไป 2 วันเกิดรู้สึกปวดที่หัวคล้ายๆกับว่าหัวของเกิดมันบวมขึ้นมาอะไรทำนองนั้น เกิดเลยไปคุยกับแก้ว
“แก้ว ดูนี่ให้หน่อย ตรงหัวพ่อมีอะไร ไม่รู้มันเจ็บๆ ตรงนี้” เกิดเรียกแก้วให้ดูที่ตรงกลางหัว
“มันเหมือนมีแผลเล็กๆ พี่เกิด แล้วมันบวมๆหน่อยๆ” แก้วดูที่หัวของเกิดแล้วบอกลักษณะที่เห็น
“มันปวดๆหน่อยๆ หนะเอาไว้พรุ่งนี้ไม่หายปวด ค่อยไปหาหมอดีกว่า” เกิดพูด
วันถัดมาแก้วและเกิดไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด
“คุณหมอครับ ผมปวดหัว ไม่ทราบว่าเป็นอะไร” เกิดบอกอาการต่อหมอแล้วหมอก็แตะๆดูบริเวญหนังหัวของเกิดมันนิ่มๆเหมือนมีน้ำอยู่ข้างใน
“เอ่ แปลก แบบนี้เหมือนเลือดครั่งใต้หนังศีรษะนะ ไปชกต่อยใครมาหรือโดนของแข็งตีหัวไหม เนี่ย” หมอถามเกิด
“ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับ ใครเลยหมอ” เกิดตอบด้วยความมั่นใจ
“เกิดเขาไม่เคยทะเลาะกับใครค่ะหมอ” แก้วตอกย้ำให้หมอเข้าใจ
“งั้นคงต้อง ตรวจเช็ค ให้ละเอียดละหล่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวหมอจะพาไป X-Ray” หมอเอ่ย แล้วพยาบาล
ก็ช่วยเกิดเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าห้อง x-ray แล้วเมื่อ x-ray เสร็จแก้วและเกิด ก็กลับบ้านเพื่อรอผลการ วิเคราะห์วันถัดไป
วันต่อมาเกิดแล้วแก้ว ก็มาหาหมอคนเดิม
“หมอมีเรื่อง ที่ต้องคุยกับคุณเกิด อาจจะหนักไปหน่อยนะ แต่คิดว่าไม่มาก” หมอสีหน้าเครียดเพราะต้องบอกสิ่งที่วิเคราะห์ได้ในแผ่น x-ray
“ครับ หมอบอกผมเถอะ ” เกิดตอบ พร้อมสีหน้าที่ไม่สบายเห็นได้ชัด แก้วก็ไม่ต่างกัน มะเร็งสมอง? หรืออะไรกันแน่ เกิดก็คิดไปต่าวๆนาๆ
“มีลูกกระสุนปืน อยู่ในสมองของคุณครับ” หมอพูดช้าๆชัดๆให้เกิดฟัง
“ลูกปืน?” เกิดแก้ว มองหน้ากันไม่เชื่อในคำพูดของหมอ
“คุณดูภาพในแผ่นฟิมล์นี่ นี่คือลูกกระสุนปืน” หมอยกภาพแผ่นฟิมล์ขึ้นบนเพดานเพื่อให้แสงไฟบนเพดานส่องภาพให้เกิดและแก้วเห็น ทำเอาแก้วและเกิด ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“นี่ถือว่า โชคดีมากๆ เพราะกระสุนปืนมันไปแทรกอยู่ระหว่างก้อนสมองเฉยๆ ไม่ทำอันตรายกับสมองแต่อย่างใด” หมอให้กำลังใจ
“ลูกปืนมันเข้าไปอยู่ในหัวผมได้ยังไงหมอ” เกิดข้องใจ
“หมอเองไม่ทราบ ว่าเข้าไปได้ยังไง แต่ลักษณะของการเข้าไปมันบังเอิญมากคือ ลูกกระสุนปืนมันตกลงบริเวณรอยต่อของแผ่นกะโหลกศีรษะ” หมออธิบาย
“เออ..อ ครับ” เกิดตกใจได้แต่รับคำ
“ตอนนี้เราต้องเปิดหนังศีรษะเพื่อดูด เลือดที่คั่งภายใต้หนังศีรษะออกก่อน นี่แหละที่ทำให้คุณหัวบวม” หมออธิบายต่อ
“แล้วลูกปืนหล่ะหมอ” แก้วซักต่อ
“เปิดกะโหลกศีรษะ เป็นเรื่องใหญ่ ค่อยทำทีหลังครับ เอาเบื้องต้นนี้ก่อน” หมอตอบ
เกิดและแก้วเริ่มกลัว และหวนคิดเหตุการณ์ ต่างๆที่ผ่านว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเท่าที่รู้แก้ว จะรู้ความเป็นไปของเกิดทุกอย่างทุกวัน ถ้าจะนับกลับไป 3 วันกิจกรรมที่มีคือไป กินข้าวบ้านของสมชาย หรือว่าเหตุการณ์ นี้เกิดขึ้นที่บ้านสมชาย เพราะตอนนั้นแก้วได้ยินเผือกบอกว่าได้ยินเสียงปืน
“ใช่ ต้องใช่แน่” แก้วคิดในใจ
“พี่เกิด วันที่ไปกินข้าวบ้านพี่สมชาย พี่ผิดปกติอะไรไหม” แก้วถามเกิดเพราะอยากรู้ที่มา
“ไม่มีอะไร ผิดปกติหนิ ก็กินเหล้ากันธรรมดาๆ” เกิดตอบ
สรุปว่าเรื่องมันจะเกิดที่ไหนก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ที่แน่ๆมีลูกปืน แทรกอยู่ระหว่างก้อนสมองของเกิด และตอนนี้หมอกำลัง จะเปิดหนังศีรษะของเกิดเพื่อดูดเลือดที่คั่งอยู่ใต้หนังศีรษะของเกิดออก เกิดเองเกิดความกลัวในใจแต่ต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้เลยต้องยอมหมอ
ผมเจอเกิดครั้งสุดท้าย ตอนเกิดโชว์หนังศีรษะที่เปิดและเย็บปิดคืน เป็นรอยโค้งยาวประมาณ 10-15 ชม รอยการเย็บมันแผลสนิทแล้ว และไปไหนมาไหนเขาก็พก แผ่นฟิมล์ x-ray ที่เขาของถ่ายเอกสารมาเก็บไว้กับตัว เมื่อตั้งวงเหล้าทีไร เกิดก็จะควักแผ่น x-ray มาอวดว่ายังมีลูกปืนอยู่ในกะโหลกเขาอยู่ แต่ยังไม่ไปผ่าออก เพราะเกิดบอกว่าเกิดไม่พร้อม (สงสัยกลัวตาย) แต่เกิดก็กินเหล้ามากไม่ได้เหมือนเดิม เพราะกินไปแล้วก็ปวดหัว ทำให้พักหลังจึงเลิกเหล้าโดยปริยาย (กินแล้วจะตาย แล้วมันจะกินทำไมเนี่ย) นับแต่วันนั้นผมก็ไม่เจอเกิดอีก ไม่รู้ป่านนี้ตายหรือยัง แต่เกิดก็มีลูกปืนฝังอยู่ในหัวร่วมปี เท่าที่ผมรู้ ไว้ผมเจอเกิด หรือแฟนเกิดจะถามว่า ยังอยู่ไหมลูกปืนหนะ มาบอกท่านผู้อ่านนะครับ จบ
ข้อคิด ถ้าไปนั่งกินเหล้ากลางแจ้งบริเวณค่ายทหาร เราควรเอาหมวกเหล็กมาใส่ดีไหม หรือไม่งั้นควรนั่งในบ้านดีกว่า