วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2551

Can you Speak English?


เรื่องภาษาอังกฤษมักเป็นไม้เบื่อไม้เมา สำหรับคนไทยเสมอๆ ยิ่งเป็นคนต่างจังหวัด ที่ต้องพูดภาษาถิ่น แล้วต้องไปพูดภาษาอังกฤษ ก็จะดูขำๆพิลึก แต่ก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะไป หรือแม้กระทั่ง พูดภาษากลางเองก็เถอะ คนต่างจังหวัดก็จะมีโอกาสหลุดสำเนียงภาคตัวเองออกมา เช่น ผมเองพูดคำว่า “ฉะเชิงเทรา” ไม่ได้เลย ไม่รู้เป็นไงถ้าต้องพูดคำนี้ ผมต้องพูดช้าๆ (ช้ามาก) ถึงจะได้คำนี้ออกมาอย่างถูกต้อง ไม่งั้นก็อย่าหวังว่าผมจะพูดได้ หรือผมก็จะพูดว่า “แปดริ้ว” แทนความหมายเหมือนกัน เรื่องที่จะเล่าคือเรื่อง คนกับภาษา

สมศักดิ์ ได้รับทุนไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท ที่ Central Mindanao University ประเทศฟิลิปินล์ วันนี้เป็นวันที่เขาต้องเดินทาง แน่นอนก่อนเดินทางเขาต้องซ้อมภาษาอังกฤษ แบบลื่นไหล พูดง่ายๆ ถ้าหลงทางก็ไม่อดตายว่างั้นเถอะ เพื่อนที่ไปเรียนด้วยกับสมศักดิ์ คือ รักเกียรติ นิสัยส่วนตัวของรักเกียรติคือไม่ค่อยพูด กว่าจะพูดอะไรแต่ละคำเหมือนดอกพิกุลจะร่วง ก่อนขึ้นเครื่องบินเมืองไทย สมศักดิ์ อ่านทุกอย่างที่เจอในสนามบิน แม้แต่ในเครื่องบินเอง สมศักดิ์ก็สังเกตและจดจำ อะไรที่เขาไม่เข้าใจ แอร์โฮสเตส ดูจะคนที่ต้องคอยตอบคำถามสมศักดิ์ไปซะทุกอย่าง (แอร์คนไทย ขาไป) เมื่อถึงที่ที่สนามบินมะนิลา สมศักดิ์ และ รักเกียรติ ต้องต่อเครื่องบินไปยังเกาะมิดาเนา หลังจากส่งกระเป๋าสำภาระขึ้นสะพานลำเลียง ทั้งคู่เดินเข้าเครื่องตรวจโลหะ

“ศักดิ์นาย เข้าไปก่อนนะ เราไปหาอะไรกินหน่อยหิว เดี๋ยวตามไป” รักเกียรติ บอกสมศักดิ์เข้าไปในห้องรับรองก่อน แล้วรักเกียรติ ก็เดินไปหาอะไรทาน
“โอเค นายอย่าไปนานนะเดี๋ยวตกเครื่องไม่รู้ด้วยนะ” สมศักดิ์บอกรักเกียรติด้วยความเป็นห่วง ก่อนสมศักดิ์ไปที่ประตูตรวจโลหะ
“ปิ๊บบบ บ” เสียงเครื่องตรวจโลหะดังขึ้นเมื่อสมศักดิ์เดินผ่าน เครื่องตรวจโลหะ หลังจากแยกจากรักเกียรติไม่ถึง 3 นาที
“Excuse me sir, step up please” เจ้าหน้าที่ตรวจโลหะชี้มือไปเชิญสมศักดิ์ ยืนบนแท่นตรวจโลหะ
“ok ok” สมศักดิ์ตอบแบบไม่กังวลใดๆ เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ตัวเอง
“ปิ๊บบ บ” เสียงดังยาวของเครื่องตรวจโลหะแบบพกพา เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจโลหะเลื่อนมาบริเวณหน้าอกของสมศักดิ์
“อะไรดังวะ!” สมศักดิ์คิดเสียงดังในใจ ก่อนเปิดเสื้อคลุมล้วงทุกอย่างที่ในกระเป๋าเสื้อด้านในออกมา แล้วแบมือให้เจ้าหน้าที่ดูของที่อยู่ในมือ ก็มีปากกา ยาอมซึ่งเหลือไม่กี่เม็ดในซอง
“what is this?” เจ้าหน้าที่ตรวจโลหะ มองเห็นซองลูกอมรูปร่างแปลกๆ และที่สำคัญมันมีเสียง ปิ๊บบบ เมื่อเครื่องตัวโลหะเข้าใกล้ และมันมีรูปทหารบนซองลูกอมประเภทนี้ (บางท่านคงเคยเห็น เป็นลูกอมที่มีรสเผ็ดมาก เม็ดสีเงิน)
“ลูกอม..!” สมศักดิ์คิดในใจเสียงดังมาก แต่นึกไม่ออก ลูกอม ภาษาอังกฤษมันว่ายังไง
“เอ่อ ลุ๊ก ลุ๊ก” สมศักดิ์ใช้ภาษาพิเศษ บอกให้เจ้าหน้าที่ดูที่ฝ่ามือซึ่งมีลูกอม แล้วเอาเข้าปากตัวเองโชว์เจ้าหน้าที่
โดยหวังลึกว่า เจ้าหน้าที่จะเข้าใจว่ามันคืออะไร แล้วสมศักดิ์ก็เงยหน้าขึ้น แล้วเอามือลูบลำคอตัวเอง (ซึ่งเผ็ด) แล้วส่ายคอ เป็นการเน้นเจตนาว่ามันคือ ลูกอม!
“what is this?” เจ้าหน้าที่ยังไม่เข้าใจ ว่าซองที่มีรูปทหาร แล้วมีเม็ดสีเงินคล้ายๆ ลูกปืนนี่มันคืออะไร จึงอยากได้คำอธิบายจากสมศักดิ์ แต่สมศักดิ์กลับไปกลืนโชว์
“เอ่อ ลุ๊ก ลุ๊ก” สมศักดิ์พูด แล้วค่อยเทยาอม ลงบนฝ่ามือ สองสามเม็ด แล้วก็ทำทุกอย่างเหมือนตอนแรก แต่คราวนี้ ทำแบบสโลโมชั่น เพื่อให้เจ้าหน้าที่เห็นว่า เขากำลังทำอะไร
“ยู อันเดอ สะแต้น” สมศักดิ์ ถามเจ้าหน้าที่ว่าเข้าใจเจตนาของเขาไหม ว่านี่คืออะไร แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่เข้าใจว่าสมศักดิ์ทำอะไร พยายามกลืนลูกปืน ซึ่งเป็นของกลางหรือไง ถ้ามันคือสิ่งผิดกฏ ระเบียบ การบิน
“try try this and look look” สมศักดิ์ จับมือเจ้าหน้าที่มาแล้วเทยาอม 2-3 เม็ด แล้วเขาก็เทบนมือตัวเอง แล้วก็พยายามสาธิต อีกรอบ…ตอนนี้สมศักดิ์ร้อนไปทั้งปากเพราะลูกอมรสเผ็ดนี้ จนแล้วจนเล่าเจ้าหน้าที่ก็ไม่เข้าใจ ขณะเดี๋ยวกัน รักเกียรติเดินผ่าน เครื่องตรวจมาเห็นเพื่อนกำลัง ทำท่าแสดงการอม ยาอม ให้เจ้าหน้าที่ดู
“this is medicine for throat” รักเกียรติพูดขึ้นต่อหน้าเจ้าหน้าที่และสมศักดิ์
“oh I see, it’s medicine” เจ้าหน้าที่ยิ้มแล้วก็เชิญ สมศักดิ์ลงจากแท่นตรวจโลหะ ก่อนทั้งคู่เดินไปที่ห้องรับรองก่อนขึ้นเครื่อง
“เออแฮะ เราขอบใจมาก เราคิดไม่ออกลูกอมเนี่ย ภาษาอังกฤษว่ายังไง เลยไม่รู้จะตอบยังไง” สมศักดิ์ขอบใจเพื่อน
“แล้วลูกอม มันพูดว่ายังไง ภาษาอังกฤษเนี่ย นายรู้ไหม” สมศักดิ์ถามเพื่อน
“เราไม่รู้หรอก เราก็ตอบเลี่ยงๆไป คิดคงได้ความหมายเหมือนกันแหละ” รักเกียรติตอบ
“ถ้านาย ไม่มาช่วยเรา ป่านนี้เราคงต้องกินยาอมหมดซองแน่ๆว่ะ” สมศักดิ์พูดแล้วยิ้มไปทางรักเกียรติ

แล้วทั้งคู่ก็มาถึงมหาวิทยาลัยจนได้ และไม่นานจากนั้นก็เริ่มเรียน เรียนทั้งๆภาษาเองก็ยังไม่เข็งแรงเท่าไหร่นั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่งสมศักดิ์ต้องส่งงานอาจารย์ผู้สอน แต่สมศักดิ์ส่งช้า สมศักดิ์ตัดสินใจเดินไปหาอาจารย์ผู้สอนที่สนามหญ้าเพื่อส่งงานอาจารย์กับมือ
“Could you leave paper on my table?” อาจารย์บอกสมศักดิ์ให้เอาเอกสารไปไว้ที่โต๊ะทำงานของอาจารย์
“ok, thank you” สมศักดิ์รีบขอบคุณอาจารย์ ด้วยคำที่ถนัด (yes / no / ok / thank you) ก่อนหันหลังจากอาจารย์เพื่อไปส่งงาน
“paper weight please!” เสียงอาจารย์ดังขึ้นหลังจากสมศักดิ์ เดินห่างออกมาไม่กี่เมตร
“ok.sir!” คราวนี้สมศักดิ์หันหลังกลับมาตอบอาจารย์แบบไม่เข้าใจว่า อาจารย์ สั่งอะไร
“อะไรหว่า เปเปอร์เวด” สมศักดิ์คิดในใจ เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาจารย์ สิ่งที่สมศักดิ์เจอคือ เอกสารมากมาย ที่กองๆอยู่ แต่ละกอง แต่ละคนหนาๆทั้งนั้น สมศักดิ์ตัดสินใจ เอางานกลับไปที่ห้องพัก เพื่อแก้งานตัวเอง ให้มีความหนาของงานตัวเองให้มากขึ้น กว่าที่เป็นอยู่ซึ่งไม่กี่แผ่น ซึ่งสมศักดิ์เข้าใจไปเองว่า งานที่ส่งต้องกระดาษหนาๆนะ อย่างที่อาจารย์สั่ง แล้วสมศักดิ์ก็ถึงบ้างอ้อ เมื่อเวลาผ่านไปร่วมปี ว่าอาจารย์บอกว่า “อย่าลืมเอาอะไรทับงานของสมศักดิ์ไว้นะ” (สงสัยกลัวลมพัดงานปลิวไป)

เรื่องหน้าแตกของสมศักดิ์ยังไม่จบไม่สิ้น หลังจากเรียนมาได้ปีหนึ่งภาษาอังกฤษสมศักดิ์ก็เริ่มแข็งแรงขึ้น มีอยู่วันหนึ่ง สมศักดิ์และรักเกียรติ ไปเล่นบอลที่สนามฟุตบอล ที่มหาวิทยาลัย ด้วยร่างกายผอมแห้งแรงน้อยของรักเกียรติ แล้ววันนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ขณะที่รักเกียรติเล่นฟุตบอลอยู่ดีๆ ก็เกิดลมพับลงมา
“เฮลลลลๆ มายเฟรนๆ” สมศักดิ์ เรียกเพื่อนๆชาวต่างชาติที่เรียนด้วยกัน
“เฮอรี่ๆ โกทู ฮอลปิตอล” สมศักดิ์บอกเพื่อนต่างชาติ อุ้มปีกรักเกียรติ ขึ้นรถเพื่อไปที่ โรงพยาบาล เพราะสมศักดิ์ไม่รู้ว่า รักเกียรติเป็นอะไรกันแน่
“นายเป็นอะไรของนายนะ รักเกิยรติ” สมศักดิ์คิดในใจ
แล้วก็มาถึงโรงพยาบาลข้างๆมหาลัย จนได้ เพื่อนชาวต่างชาติก็กลับไปเล่นบอลกันต่อเหลือแต่ รักเกียรติที่นอนแอ้งแม้งอยู่ และสมศักดิ์ จากนั้นหมอก็เดินเข้ามาในห้อง
“tell me situation please” หมอถามสมศักดิ์ถึงที่มาที่ไป
“เอ่อ มายเฟรน……” สมศักดิ์หยุดคิด
“เป็นลม? มันต้องพูดยังไงนะ” สมศักด์คิดเสียงดังในใจ
“ไอเพล ฟุตบอล เอ่อ....” สมศักดิ์พยายามอธิบาย อ้อมไป อ้อมมา แล้วก็มาติด คำว่า “เป็นลม” อาจจะเพราะสมศักดิ์ตกใจด้วย ไม่แน่ใจ จึงทำให้สมศักดิ์บอกหมอไม่ได้ศัพท์ ในที่สุดเวลาผ่านไปราว 15 นาที รักเกียรติก็ฟื้นขึ้นมาอธิบาย ข้อมูลเองทั้งหมดด้วยตัวเอง

เมืองมินดาเนา ถือว่าเป็นเมืองที่คล้ายเมืองไทยมากอยู่อย่างคือ การเที่ยวผู้หญิงกลางคืน เป็นเรื่องหาได้ไม่อยากนัก เรื่องขำๆ ของสมศักดิ์ก็เกิดขึ้นเพราะเหตุนี้ วันหยุดของสมศักดิ์และรักเกียรติ มักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอๆ
วันหนึ่งสมศักดิ์และรักเกียรติ ไปงานประชุมระดับนานาชาติ ในฐานะนักเรียนต่างชาติ เช่นเดิม การเข้าหรือออกภายในบริเวญงานใน ส่วนต่างๆ จะมีการตรวจอาวุธอยู่เป็นระยะๆ สมศักดิ์เดินดูโน่นนี่ แล้วสายตาก็ไปเจอกับข้อความหนึ่ง “Save Yourself” ติดตรงขอบถาดใบใหญ่ ซึ่งภายในถาดนั้นคือ “ถุงยางอนามัย” เต็มถาด สมศักดิ์เห็นดังนั้นจึง เดินรี่เข้าไป เพื่อนำสิ่งนั้นไปใช้ประโยชน์

“รักเกียตินายยืนบังหน่อยซิ” สมศักดิ์บอกเพื่อยืนบังถาด เพื่อปิดสายตาคน จากนั้นสมศักดิ์ก็โกยถุงยางอนามัยใส่เสื้อคลุมด้านใน แบบไม่ยั้งมือ
“นายจะเอาไปอะไรนักหนาเนี่ย” รักเกียรติถามเพื่อน
“อะน่า ก็เขาแจกฟรีนี่นา” สมศักดิ์บอก
เรื่องมันคงจบแค่นั้น ถ้าสมศักดิ์ไม่เดินเข้าไปใน ส่วนอื่นๆที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้ม สมศักดิ์เดินหน้า หน้าตาเฉย โดยมีซองถุงยางอนามัยเต็มเสื้อคลุมด้านใน แต่ตอนนี้เขาไม่เอะใจสักนิด เมื่อเขาเดินผ่านเครื่องตรวจโลหะ เนื่องจากปริมาณโลหะในตัวสมศักดิ์มีเยอะ
“ปิ๊บบบ” เสียงดังของเครื่องตรวจโลหะจากสมศักดิ์ดังขึ้น
“this way please” เจ้าหน้าที่บอกสมศักดิ์ เดินเลี่ยงออกมาขณะรักเกียรติ เดินตามมา
เจ้าหน้าที่ขอตรวจอาวุธ จากสมศักดิ์ แต่สมศักดิ์กับทำท่าเขินอาย ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่มีความสงสัย สิ่งที่อยู่ภายใต้เสื้อของสมศักดิ์ แล้วเจ้าหน้าที่จึงเชิญสมศักดิ์ไปยังห้องข้างๆที่ตรวจโลหะ แล้วขอให้สมศักดิ์ ถอดเสื้อนอกออก โดยมีเจ้าหน้าที่ยืนจังก้า มองอีก 2 คนภายในห้อง ก่อนเจ้าหน้าที่จะเทสิ่งที่อยู่ในเสื้อออกมากองเกลื่อนบนโต๊ะตรวจ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ขอสมศักดิ์ดูเอกสารประจำตัว
“thailand?” เจ้าหน้าที่ยิ้มแล้วหันมาถามสมศักดิ์
“yes” สมศักดิ์ตอบแบบอายแทนคนทั้งประเทศ ถึงการกระทำตัวเอง
เจ้าหน้าที่แบ่งถุงยางอนามัยให้สมศักดิ์พอประมาณ ก่อนปล่อยตัวสมศักดิ์ออกมา (จำไว้อย่าเว่อร์)

สมศักดิ์กับรักเกียรติ เรียนอยู่ที่นี่จนจบ หน้าแตกนับครั้งไม่ถ้วน แต่คัดสรรสิ่งที่เป็นสุดๆมาให้อ่านกันเล่นๆยังครับ ยังไม่จบ เรื่องภาษาของสมศักดิ์ยังมีต่อ เมื่อสมศักดิ์กลับมาทำงาน แล้ววันหนึ่งสมศักดิ์ก็มีโอกาสได้เดินทางไประชุมที่ โตรอนโต้ ประเทศแคนาดา วันนั้นอากาศหนาวเย็น แต่สมศักดิ์เองก็ไม่ชอบที่จะอยู่ในบ้านสมศักดิ์จึงเดินเล่น ตามถนนใกล้ๆที่พัก

“Hello can you speak english?” ชายผิวดำ เดินมาจากด้านหลังของสมศักดิ์ แล้วเอ่ยถามสมศักดิ์
“Sure” สมศักดิ์ตอบอย่างมั่นใจในศักยภาพตัวเอง ขณะชายผิวดำยืนล้วงกระเป๋าเสื้อเสื้อกันหนาวตัวเอง
“Do you know money?” ชายผิวดำถาม
“Yes,I knew” สมศักดิ์ตอบ ราวกับว่าอย่ามาดูกถูกฉันนั้น ฉันเก่งภาษาแล้ว
“Do you know AIDS?” ชายผิวดำถามราวกับลองภูมิสมศักดิ์
“Aids HIV?, Oh dangerous” สมศักดิ์ตอบแถมคำอธิบายความหมายต่อ ราวกับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
“Give me your money NOW…!” ชายผิดดำแน่ใจแล้วว่า สามารถสื่อสารกับสมศักดิ์ได้แน่นอนถึงความหมายที่เขาต้องการสื่อจึงพูดคำนี้ออกไป พร้อมกับควักหลอดเข็มฉีดยาที่มีสีแดงอยู่ภายในเข็ม ขู่ สมศักดิ์ ราวกับจะบอกว่า “มึงไม่ให้เงินกู กูจะฉีดมึงนะ เอามาๆ”
“ไอ้ฉิบหาย..!”
สมศักดิ์ด่า ออกมาเป็นภาษาไทยเสียงดังมาก ก่อนสบโอกาส กลับตัวด้วยความเร็วสูง ใส่เกียร์หมา วิ่งสุดฤิทธิ์ ไม่คิดชีวิต เข้าที่พักไป

นับจากวันนั้นเรื่องราว ด้านภาษาของสมศักดิ์ ก็ถูกปิดไฟใส่กลอนลงไว้ก่อน ข่าวแว่วๆว่า สมศักดิ์อยากไปต่อ
ด๊อกเตอร์ ที่เมืองนอกอีกละ…ไว้มีเรื่องขำๆจะมาเล่าให้ฟังนะครับ

ปล. ผิดถูกพูดไปเถอะคนรู้เขาสอนเราเอง ดีกว่าไม่พูดสรุปเลยไม่รู้ว่ารู้หรือไม่รู้ (จริงไหมรักเกียรติ)

ไม่มีความคิดเห็น: