วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2551

เรื่องของคนหมาจะเกี่ยว


บูโซ่ นามหมาพันธุ์อะไรก็ไม่รู้ สูงราวๆ 60-70 ซม. ขณะยืน บูโซ่ เป็นหมาที่รักและซื่อสัตย์มาก แต่ด้วยที่มันตัวดำและค่อยข้างสูง

ไม่มีมนุษย์ คน(เรียกตัว สำหรับบางคน) ใด อยากเข้าใครมันเพราะเขารู้สึกว่ามันดุ แต่ความเป็นจริงแล้วมันออกจะเป็นมิตร

กับสิ่งมีชีวิตรอบกายมัน ไล่ตั้งแต่ผีเสื้อ ตั๊กแตน มันหยอกล้อ ไม่เว้น นิสัยหนึ่งของบูโซ่ คือ การเล่นงับผ้า ใครก็ตามที่ ลองกำลัง

โดยการ เอาเศษผ้าหลอกล่อให้ บูโซ่ งับละก้อ รับรองต้องแพ้ บูโซ่แน่นอน เพราะบูโซ่ จะพยายามงับจนได้ แล้วพองับได้ บูโซ่

จะไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด จนกว่าเราจะหยุดหรือสั่งมัน หยุดนับเมื่อนั้นทั้งคนและหมาก็จะหอบแฮ๊ก ๆ ไปตาม ๆ กัน

เดิมทีบูโซ่เป็นสัตว์เลี้ยงของหลานชายและใกล้ ๆ บ้านหลานชายก็จะมีบ้านพี่สาว บ้านนี้เลี้ยงหมาตัวเล็ก ชื่อ เจ้านิว

เจ้านิวน่ารักตัวขาวขนปุ่ย ใคร ๆ ก็เอ็นดูแต่หารู้ไม่ว่านิสัยเจ้านิวดุกว่าเจ้าบูโซ่เสียอีก ด้วยนิสัยที่ดุกว่าและเกเรกว่าเจ้านิวก็พบจุดจบ

เพราะเดินผิดที่ผิดทาง ไปเดินในช่องทางเดินรถยนต์ โดนรถทับตาย ( จำไว้ทางรถวิ่งไม่ใช่ทางหมดเดิน )

เจ้าบูโซ่จึงเป็นขวัญใจญาติ ๆ รวมไปถึงละแวกใกล้เคียงเจ้าบูโซ่เข้ากับทุกคนได้ดี พอหลานจำต้องจากบ้านไปเรียนต่อ

หลานจึงส่งบูโซ่ให้กับพี่สาวดูแลต่อ บูโซ่ว่านอนสอนง่ายแค่เศษอาหารที่ให้แลกกับความซื่อสัตย์ที่มันตอบแทนทางแววตา ท่าทาง

ที่ทำให้ผู้เลี้ยงดูเอ็นดูมัน แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจน พี่สาวมีสามีเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยในระดับต่ำสุด ( ผู้ใหญ่บ้าน )

นั่นเป็นที่มาของหมาต้องเกี่ยว เมื่อมันเป็นหมาผู้มีหน้ามีตาในสังคม ( สังคมของคน ) เจ้านายมันทำอะไรมันก็ต้องรับผิดชอบตาม

เจ้านายมันทำตัวดีมีคนชื่อชอบเยินยอ ก็พอได้ยินเสียงปรบมือ ของคนในหมู่บ้านไปด้วยพลอยหน้าบานหน้าใหญ่ไปด้วย

แน่นอนในสังคมย่อมมีคนดีคนไม่ดีปะปนกันไป เจ้านายของบูโซ่ไปทำตัวอีท่าไหนก็ไม่ทราบเหมือนกันจนมีคนปองร้าย

ด้วยความเป็นหมาของมัน มันจะรู้ไม่เนี่ย ว่ามีคนปองร้ายเจ้านายมัน อันนี้ผมก็ไม่ใช่หมาได้แต่เดาว่ามันคงไม่รู้หรอก

อยู่มาวันหนึ่งเจ้าบูโซ่นั่งเล่นกับเจ้านาย ( ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยคนที่เอ่ยถึง ) มันอยู่หน้าบ้านก็มีกระทาชายไม่ทราบชื่อนายหนึ่ง

เดินเข้ามาพร้อมกับชักปืนกระหน่ำลงบนร่างเจ้านายของมันทันที ปัง ๆ ปัง ๆ ด้วยความที่มันเป็นหมาที่ซื่อสัตย์ทราบซึ้งในเศษอาหาร

ที่เจ้านายมันเลี้ยงดู มันไม่รอช้ากระโจนเข้าหมายที่จะปกป้องเจ้านายมันอย่างเต็มที่แต่หมาก็คือหมานั่นแหล่ะ มันไม่รู้สึกหรอกว่าลูกปืนฝังเนื้อ

มันจะรู้สึกอย่างไร ชายนิรนามดังกล่าวยิงสวนเจ้าบูโซ่ทันควันขณะเจ้าบูโซ่จู่โจม ปัง ๆ ปัง ๆ บูโซ่ ถูกยิงเข้าที่ลำตัว และต้นขา สองนัด

ร่วงกลางอากาศ ในขณะที่เจ้านายของ บูโซ่ โชคร้ายกว่า เพราะโดนยิงที่หัวหลายนัด ตายทันที (แหงหละ ไม่ตายก็เกินไปละ)

บูโซ่ ยังมีแรงวิ่งหนี เพื่อเอาชีวิตรอด ทิ้งเจ้านายมันตายจมกองเลือด (เออ แฮะ มันก็รักตัวเองเป็น หมา เนี่ย)

“ตาถูกยิงๆ” เสียงหลานสาวตัวเล็ก(เหลน)วิ่งกระหืน กระหอบ มาจากหน้าบ้านสีหน้าตกใจสุดขีด พูดจากแทบไม่รู้เรื่อง

แม่ของหลานสาวตัวเล็ก(หลาน)พูดอะไรไม่ออก เพราะเสียงปืนและ ช่วงเวลาหลานสาววิ่งมาหลังบ้าน

ห่างกันไม่ถึง 2 นาที ความหวาดกลัวเข้าครอบงำสองแม่ลูกทันทีคำพูดของหลานตัวเล็กยังไม่สิ้นคำเสียงร้องของความเจ็บปวดก็ตามมา

“เอ๋ง เอ๋ง เอ๋ง” เสียงบูโซ่ วิ่งขาลาก พร้อมรอยเลือดยาว วิ่งอ้อมจากหน้าบ้านเป็นทาง ราวกับมันจะบอกทุกคนว่า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว

ช่วยหน่อยๆ ช่วยข้าด้วย ข้าก็จะตาย เหมือนกับ เจ้านายคนหนึ่งที่อยู่หน้าบ้านแหละ ช่วยทีๆๆ โอยยยย…

(หมา ร้องครวญคราง ด้วยความเจ็บปวด มันควรร้องยังไงหล่ะ คุณผู้อ่าน )

แม่ลูกคู่นั้น อยากรู้เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นหน้าบ้าน พากันย่องๆมาส่องดูที่ช่องประตูหน้าบ้านโดยหลบอยู่ข้างใน
แม่เอามือประกบปากลูกสาวไว้ทันที ประหนึ่งว่า กลัวลูกสาว ทำเสียงเอะอะที่จะทำให้ ชายผู้นั้น แว้งมาทำร้ายตัวเองได้

“พ่อถูกยิง!!” เสียงความคิดของหลานดังในสมอง แต่หลานก็ฉลาดพอที่จะไม่พลีพลาม ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่งั้นโดนยิงอีกรายชายนิรนาม ก็เดินไปขึ้นรถ มอเตอร์ไซต์ ขับหายไปอย่างด้วยเร็ว ทิ้งสองแม่ลูก ยืนตัวเกร็งกับภาพที่อยู่เบื้องหน้า พ่อกำลังตัวกระตุก ชักดิ้น

กระแด่วๆ เหมือนปลาช่อนถูกทุบ เพราะระบบกล้ามเนื้อ ไม่ยอมตายไปกับร่างกาย พอมอเตอร์ไซต์ ลับตาไป แม่ลูก คู่นั้น

เสียงการร้องเพลงแห่งความเศร้าโศกก็ประโคมขึ้นทันที

“ฮือๆๆ พ่อ…!!!!!” เสียงลูกสาววิ่งเข้าไปหาร่างพ่อที่กำลังตัวกระตุกๆ

ส่วนหลานตัวน้อยก็ยืน ร้องประสานเสียงแม่ตัวเองข้างๆ ราวกับว่าแม่ตัวเองร้องไม่เพราะพอเท่าไหร่ ตัวเองเลยต้องแหกปากร้องดังขึ้นเป็นสองเท่า

“ตาๆๆ..! ฮือๆๆๆๆ” เสียงหลานสาวตัวเล็กแหกปากร้องดังไปทั่วบริเวณ

ด้วยความฉลาดที่ได้ร่ำเรียนมา (จากสำนักไหนไม่รู้) แม่ของหลานสาวตัวเล็กทำการปั๊มหัวใจพ่อทันที (สงสัยลืมดูที่หัวของพ่อ กะโหลกหายไปเกือบครึ่งละ แล้วจะปั๊ม หัวใจทำไมเนี่ย!!) ในที่สุดร่างของพ่อก็นอนแน่นิ่ง อยู่หน้าบ้านเวลาผ่านไปแค่อึดใจ ใหญ่ๆ ชาวบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียง ก็แห่กันมาดู เต็มบ้าน (แหง ดิ นี่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ถูกยิงตายเชียวนะคุณ.!)

ตัดฉาก กลับไปที่หลังบ้าน เจ้าสี่ขานาม บูโซ่ หมาผู้ซื่อสัตย์ตัวนั้นราวกับมันนัดแนะกับเจ้านายมันไว้ ว่า เราจะไปด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าสวรรค์ หรือนรก มันนอนตายจมกองเลือด อยู่หลังบ้าน มันทำหน้าที่หมาที่ดีได้อย่างสมศักดิ์ศรีหมาแล้ว ผมคนหนึ่งแหละที่เห็นชื่นชมในตัวบูโซ่ มานานพอควร ที่จะรู้ว่ามันเป็นไงบ้าง ไปดีเถอะนะ บูโซ่ …

เรื่องราวที่ผมเขียน ไม่ได้เจตนาสร้างภาพลักษณะ หรือ ชี้นำให้รูปการของคดีเปลี่ยนไป ผมเพียงแต่จะชี้ให้เห็นว่า เรื่องของคนหมาไม่เกี่ยวนั้นไม่จริงเสมอไป เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวร หรือ คนผิดต้องได้รับการชดใช้กรรมที่ตนเองก่อ ไม่ว่าจะชดใช้กรรมนั้นด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ ความรุนแรงไม่ได้ก่อประโยชน์ใดๆเลย ใช่ ..! ผมมองเห็นความไม่ถูกต้อง แต่ผมก็ไม่สามารถตัดสินปัญหานั้นๆได้ เพราะ เบื้องหลัง เบื้องลึกเป็นยังไง ยังต้องสืบเสาะต่อไป

ขอแสดงความเสียใจกับ ผู้เสียชีวิต และ ครอบครัว และ บูโซ่ มา ณ ที่นี้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: